วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หยั่งใจคน


                " จิตมนุษย์ใช่ว่าสุดจะหยั่งคาด
                 สรรพสิ่งสามารถค้นศึกษา
                 เพราะมนุษย์มีอุตตมะปัญญา
                 ต่างจากสัตว์สาราโดยทั่วไป

                        อยากรู้ว่าบ้ายึดในอำนาจ
                 ลองให้อำนาจก็สิ้นซึ่งสงสัย
                 อยากรู้จิตคิดโลภประการใด
                 พอให้ต้องเงินตราก็รู้กล

                       อยากรู้ว่ามั่นคงในศักดิ์ศรี
                 ให้ใกล้ชิดสตรีก็เห็นผล
                 ใคร่รู้ว่าจิตใจใช่หรือคน
                 กล่อมสุราแล้วจะดลให้เห็นจริง

                       ใคร่รู้น้ำใจซื่อหรือว่าคด
                 ให้ลองบทพนันเล่นเห็นทุกสิ่ง
                 ห้าประการกลหยั่งใจได้ตามจริง
                 รู้ให้ยิ่งกระจ่างไว้เพื่อใช้คน "

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การใช้คนต้องไว้ใจ หากไม่ไว้ใจจงอย่าใช้


ซุนเกี๋ยน เป็นนายทหารที่เก่งกล้า เคยร่วมรบกับกองทัพของอ้วนเสี้ยวแต่ก็ถูกคนชั่วใส่ร้าย ต่อมาซุนเกี๋ยนตายจากการรบกับเล่าเปียว ซุนเซ็กบุตรชายที่เก่งกล้าไม่แพ้บิดานำกำลังพลไปอยู่กับอ้วนสุด สร้างผลงานหลายหนแต่กลับถูกอ้วนสุดดูแคลนทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่บ่อยหน ท้ายที่สุดซุนเซ็กและพรรคพวกจึงตั้งปณิธานตั้งตนเป็นใหญ่ โดยเตรียมยึดดินแดนกังตั๋งเป็นฐานที่มั่น

ครั้งหนึ่งซุนเซ็กต้องเข้าตีซ่องโอ๋ จิวยี่สหายของซุนเซ็กแนะว่าที่ซ่องโอ๋มีทหารเอกชื่อ ‘ไทสูจู้’ เชี่ยวชาญการรบ น่าจะหาทางดึงมาเป็นพวกเพราะซุนเซ็กกำลังรวบรวมผู้กล้าเพื่อยึดดินแดนกังตั๋ง เมื่อถึงเวลารบ ซุนเซ็กก็มิอาจเข้าตีซ่องโอ๋ได้ง่ายดาย เนื่องจากเล่าอี้เจ้าเมืองตั้งรับเหนียวแน่น ไทสูจู้อาสาออกรบแต่ถูกเล่าอี้ดูแคลน แม้จะน้อยใจแต่ไทสูจู้ก็ดื้อออกรบกับซุนเซ็ก ทั้งสองรบกันเอาเป็นเอาตายจนเสื้อผ้าขาดกระจุย รบกันจนถึงมืดก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ เมื่อแยกกลับค่าย ซุนเซ็กสั่งให้เก็บเสื้อคลุมที่มอมแมมตัวนั้นไว้ไม่ให้ทิ้ง ท่ามกลางความสงสัยของขุนพลทั้งหลาย มีเพียงจิวยี่เท่านั้นที่รู้ความนัย

ด้วยกลอุบายของจิวยี่ทำให้ซุนเซ็กจับเป็นไทสูจู้ได้ในที่สุด ซุนเซ็กจับไทสูจู้เข้ามาในที่พัก ไทสูจู้ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเสื้อคลุมของซุนเซ็กแขวนอยู่ ซุนเซ็กเกลี้ยกล่อมจนไทสูจู้เห็นน้ำใจยอมสวามิภักดิ์ด้วย แต่ขอกลับไปรวบรวมไพร่พลและจะมาร่วมเข้าด้วยในเที่ยงวันรุ่งขึ้น ซุนเซ็กยินยอมท่ามกลางเสียงทัดทานจากขุนศึกที่เกรงว่าไทสูจู้จะไปแล้วไปลับ

วันรุ่งขึ้นบรรดานายทหารของซุนเซ็กที่ยังแคลงใจต่างออกมายืนรอว่าไทสูจู้จะมาตามคำมั่นหรือไม่ ซุกเซ็กจึงร้องว่า “ข้าขอปักกระบี่ไว้เป็นสัจจะ ข้าซุนเซ็กใช้คนไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ใช้ ไทสูจู้เป็นคนมีสัจจะ เขาจะกลับมาตอนเที่ยงแน่นอน”

เมื่อถึงเที่ยงตรง ไทสูจู้ก็มาถึงพร้อมด้วยไพร่พลตามคำสัญญาจริงๆ สมดังความไว้วางใจของซุนเซ็ก จิวยี่จึงกล่าวแก่นายทหารทั้งปวงว่า “วีรบุรุษนั้นหากพบผู้มีฝีมือทัดเทียม นับว่าเป็นความสุขในชีวิต ซุนเซ็กเก็บเสื้อขาดเอาไว้สำหรับรำลึกถึงการรบในวันนั้นเป็นข้อหนึ่ง ซุนเซ็กสืบทอดภารกิจบิดาต้องรวบรวมผู้กล้า เก็บเสื้อนี้ไว้เพื่อเตือนสติว่า การครองแผ่นดินนั้นต้องครองคนก่อน” จากนั้นมา ไทสูจู้ก็กลายเป็นขุนพลเอกของซุนเซ็กจนสามารถยึดดินแดนกังตั๋งครอง ๘๑ หัวเมือง และยังอยู่รับใช้ตระกูลซุนจนถึงยุคซุนกวน

นี่แหละหนาหัวใจของการเป็นใหญ่ ครองแผ่นดินนั้นต้องครองใจคนก่อน การใช้คนต้องไว้ใจ หากไม่ไว้ใจจงอย่าใช้ เคล็ดลับพื้นฐานของผู้นำ ทรัพยากรบุคคลนั้นเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด มีตัวอย่างให้เห็นแล้วหลายครั้งทั้งที่ครองใจคนได้ และที่ทำเสียน้ำใจคนจนพบความฉิบหายมานักต่อนัก