วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ใครขโมยเนยแข็งฉันไป

ผมอ่านหนังสื่อเรื่อง ใครขโมยเนยแข็งฉันไป เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนในช่วงการเปลี่ยนแปลง
ในชีวิต พึ่งเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งที่สอนใจผมได้ตลอดเวลาจนถึงวันนี้ การใช้ชีวิตจึงไม่ควร
ประมาท ชีวิตมีขึ้นมีลง ขอคิดที่ผมได้จากเรื่องนี้คือ สอนให้เราใช้ชีวิตอยู่กับคำว่าไม่ประมาท เหมือน
การตรวจเช็คเนยแข็งว่า มีกลิ่นผิดปกติไหม วันนี้ผมเห็นเพื่อนร่วมงาน น้อง ๆ ที่รู้จักหลายคนกำลังเผชิญ
กับปัญหาชิีวิต ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง กำลังจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลองอ่านเรื่องนี้
ดูอาจทำให้คุณมีกำลังใจเหมือนผมเมื่อก่อนก็ได้


มีตัวละครขนาดจิ๋วอยู่ 4 ตัว
วิ่งวนอยู่ในเขาวงกต ซึ่งสลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง
เพื่อเสาะหาเนยแข็งอันเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต
ในนี้มีสองชีวิตเป็นหนู ตัวหนึ่งชื่อ “สนิฟฟ์” กับ”สเคอร์รี่”
ส่วนมนุษย์แคระอีกสองคนชื่อ “เฮ็ม”กับ “ฮอว์”
ทั้งสี่ชีวิตใช้เวลาในแต่ละวันในการวิ่งหาเนยแข็งในเขาวงกตนั้น

เจ้าหนู สนิฟฟ์ และ สเคอร์รี่ ใช้วิธีลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ โดยใช้จมูกเป็นเครื่องนำทาง
พวกมันจะจำทางที่ไม่มีเนยแข็งไว้ แล้ววิ่งไปทางอื่นจนถูกทาง ส่วนคนแคระ
เฮ็ม กับ ฮอว์ ก็ใช้ความรู้และประสบการณ์ในอดีตเข้าช่วย
ในที่สุดทั้ง 4 ชีวิต ได้พบกับคลังเนยแข็งขนาดใหญ่
ที่ดูเหมือนมีเนยเพียงพอที่ให้กินไปได้ตลอดชีวิต
พวกเขาได้พบแหล่งอาหารอันวิเศษที่แสนสะดวกสบาย
และไม่ต้องวิ่งตระเวนหาอีกต่อไป

เวลาผ่านไปจนมาถึงเช้าวันหนึ่ง ทั้ง 4 ชีวิต
ได้พบว่าเนยแข็งกำลังจะหมดไป เจ้า สนิฟฟ์
เห็นเช่นนั้นก็ไม่เสียเวลาวิเคราะห์ มันออกวิ่งค้นหาเนยแข็งก้อนใหม่ทันที
ส่วนเจ้า สเคอร์รี่ เห็นเช่นนั้นก็วิ่งตามโดยไม่รอช้า สนิฟฟ์ ไปถึงไหน
สเคอร์รี่ ก็ไปที่นั่น

คนแคระ เฮ็ม กับ ฮอว์
ไม่คาดมาก่อนว่าเนยแข็งจะหมดไป เฮ็ม
ถึงกับตีโพยตีพายกล่าวโทษเทวดาฟ้าดินว่า ไม่ยุติธรรมกับเขา
แล้ววิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ว่าเนยแข็งควรจะกลับมาหาเขาอีก

แต่ ฮอว์ ดูจะยอมรับความจริงได้มากกว่า
เขาเริ่มคิดว่า เขาควรทำการเปลี่ยนแปลง เขาจึงชวน เฮ็ม
ให้ออกไปหาเนยแข็งใหม่แบบที่หนูสองตัวกำลังทำอยู่ ปรากฏว่า เฮ็ม
ไม่ยอมรับฟัง ฮอว์ จึงไปสู่เขาวงกตตามลำพัง

และแล้วเจ้าหนูทั้งสองก็ได้พบคลังเนยแข็งแห่งใหม่ที่ดีและใหญ่กว่าเดิม

ฮอว์นั้นแม้จะออกมาช้ากว่าเจ้าหนูทั้งสอง
แต่ในที่สุดเขาก็ได้พบคลังเนยแข็งใหม่ เช่นกัน เขาจึงกลับไปชวน เฮ็ม
ให้ออกมาจากสถานการณ์ที่ไม่มีเนยแข็งเหลืออยู่ แต่ เฮ็ม กลับปฏิเสธ
ทั้งยังไม่ยอมรับเนยแข็งที่ ฮอว์ อุตส่าห์เอาไปฝาก ฮอว์
จึงจำใจต้องปล่อยเพื่อนไว้เช่นนั้น

ระหว่างที่ ฮอว์
ออกมาเผชิญโชคครั้งใหม่ ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทีละน้อย
เขาสรุปสัจธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง โดยเขียนไว้บนกำแพงเป็นระยะๆ
“ถ้าคุณไม่เปลี่ยนแปลง คุณอาจจะสูญพันธุ์”

ฮอว์ สุขสบายอยู่ในคลังเนยแข็งใหม่
แต่ก็ยังคิดและหวังว่า เฮ็มเพื่อนรักจะตามมาตามลายแทง
และข้อคิดที่เขาบอกทางไว้ให้ แล้ววันหนึ่ง ฮอว์
ก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากทางเดินข้างนอก นั่นอาจจะเป็น เฮ็ม ก็ได้ใครจะรู้

4 ชีวิต
เป็นตัวแทนแห่งสัญชาตญาณและความคิดในการตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
สนิฟฟ์ เป็นผู้ดมกลิ่นการเปลี่ยนแปลงได้ก่อนใคร จึงนำออกไปก่อน
สเคอร์รี่ ไม่คิดอะไรเลย วิ่งตามกระแสอย่างเดียว
เฮ็ม เป็นผู้ปฏิเสธและต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
โดยคิดว่าการเปลี่ยนแปลงจะปรากฏโฉมในทางเลวร้ายก
ว่าเดิม
ส่วน ฮอว์ เป็นคนเรียนรู้และปรับตัวตามยุคสมัย
เมื่อเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

ในโลกแห่งธุรกิจ และโลกแห่งการทำงาน
มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
นิทานเรื่องนี้อาจให้แง่คิดที่เตือนให้ผู้คนมองเห็นการเปลี่ยนแปลง
และเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างชาญฉลาด