วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

ยายกะตา ปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า

ยายกะตา ปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า หลานไม่เฝ้า ปล่อยให้กามากินถั่วกินงา

ยายมา ยายก็ด่า ตามา ตาก็ตี

หลานร้องไห้ ไปหานายพรานให้ช่วยไปยิงกา
“กงการอะไรของข้า”

นายพรานว่า

หลานจึงไปหาหนู ขอร้องหนูให้ช่วยไปกัดสายธนูของนายพราน
หนูว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาแมว ขอให้แมวไปไล่กัดหนู
แมวเฉยอยู่และว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาหมา ขอให้หมาไปช่วยกัดแมว
หมาฟังแล้ว

“กงการอะไรของข้า”

หมาว่า

หลานจึงไปหาค้อน ขอให้ค้อนช่วยไปตีหัวหมา
ค้อนก็ว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาไฟ ขอให้ไฟไปไหม้ค้อน
ไฟไม่สนใจและว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาน้ำ ขอให้น้ำไปช่วยดับไฟ
น้ำยังคงไหลรินต่อไปและว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาตลิ่ง ขอให้ตลิ่งไปพังทับน้ำ
ตลิ่งฟังแล้วนิ่ง ตลิ่งว่า

“กงการอะไรของข้า”

หลานไปหาช้าง ขอให้ช้างไปช่วยพังตลิ่ง
ช้างก็ว่า “กงการอะไรของข้า”

หลานจึงไปหาแมลงหวี่ ขอให้แมลงหวี่ไปช่วยตอมตาช้าง
แมลงหวี่รับอาสาหลาน

จึงไปตอมตาช้าง

ช้างจึงไปพังตลิ่ง ตลิ่งจึงไปพังทับน้ำ น้ำจึงไปช่วยดับไฟ ไฟจึงไปไหม้ค้อน ค้อนจึงไปตีหัวหมา หมาจึงไปกัดแมว แมวจึงไปกัดหนู หนูจึงไปกัดสายธนูของนายพราน นายพรานจึงไปยิงกา กาจึงไม่มากินถั่วกินงา

ยายมายายไม่ด่า

ตามาตาไม่ตี

หลานจึงมีความสุขตลอดไป

-----------------------------------------------

นิทานเรื่องนี้สอนอะไรกับ เด็กและสังคม และกลอุบายแห่งนิทาน
นิทานเรื่องนี้สมาร์ทได้ฟัง ประมาณตอน หนู ไป แมว ไป หมา ก็เริ่มจับทางได้มันเหมือนเรื่องซ้ำ ๆ
นิทานจะไม่จบ ถ้าแมงหวี่ไม่เป็นคนเริ่มช่วย แต่การที่ คน สัตว์ สิ่งของ ต่าง ๆในเรื่องช่วยก็เพราะ
ตัวเองเดือดร้อน ... พอเป็นกงการของตัวเองจึงเริ่มทำเริ่มแก้ปัญหาที่ถูกร้องขอ เวลานี้นิทานเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เกิดในสังคม
ทุกวัน เราพบเจอ หรือ ไม่บางทีก็เป็นเราเสียเอง ที่ไม่สนใจคำขอร้องของคนเดือดร้อน เพราะคิดว่า
"ไม่ใช่กงการ" จนวันหนึ่งความเดือดร้อนมาถึงเรา เราจึงโอดครวญเห็นความสำคัญของปัญหา